เมื่อวันที่ 20 ต.ค นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และโฆษก ขบคำพูดจาก ทดลองเล่น. เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีช่องทางในการให้บริการประชาชนสำหรับการชำระภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (จยย.) หลายช่องทาง โดยมีช่องทางการชำระภาษีออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีความสะดวก และไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีได้
สำหรับยอดผู้ชำระภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ประจำปีงบประมาณ 66 (วันที่ 1 ต.ค. 65-30 ก.ย. 66) สามารถจัดเก็บภาษีรถทั่วประเทศทั้งสิ้น 32,818,269 คัน รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 33,977,387,168.96 บาท แบ่งเป็นผู้ใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ (แอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax, เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th, เคาน์เตอร์เซอร์วิส) จำนวน 845,435 คัน ส่วนการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการ 27,300,796 คัน การใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 4,272,377 คัน การออกหน่วยเคลื่อนที่ 381,874 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 7,916 คัน ชำระผ่านธนาคาร จำนวน 9,871 คัน
นายเสกสม กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ที่ชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เรียบร้อยแล้ว สามารถเลือกให้จัดส่งเครื่องหมายการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ซึ่งจะได้รับภายใน 5 วันทำการนับจากวันชำระเงิน หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ก็ได้ และในระหว่างที่รอรับเอกสารระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราว เพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีจาก ขบคำพูดจาก ทดลองเล่นสล็อตทุกค่ายไม่ต้องสมัคร.
แนะนำผู้ที่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีสามารถชำระล่วงหน้าได้ก่อนครบอายุภาษี 90 วัน ทั้งนี้ รถยนต์อายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานเกิน 5 ปี รวมถึงรถที่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี สามารถนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชนก่อนชำระภาษีล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์ หากประชาชนมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับการชำระภาษีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ สามารถโทรฯ สายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง